⭐ จุดเด่นของท่ออ่อนสแตนเลส (Flexible Hose)

• ผลิตจาก Stainless Steel 304 (SS304) แข็งแรง ทนสนิม
• รองรับการเชื่อมต่อแบบ หน้าแปลนมาตรฐานหลากหลายเชื่อมต่อกับ หัวยูเนี่ยน (Union) ได้
  • JIS 10K
  • ANSI 150
  • PN10
  • PN16
  • รวมถึงมาตรฐานอื่น ๆ ตามความต้องการ
• ลดการสั่นสะเทือน และชดเชยการเคลื่อนตัวของท่อ
• รองรับแรงดันและอุณหภูมิสูง
• ใช้งานได้ทั้งในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารระบบต่าง ๆ

⭐รับผลิตท่ออ่อนสแตนเลสตามออเดอร์ลูกค้า

สามารถสั่งผลิตตาม ความยาว, ขนาดท่อ, ชนิดหน้าแปลน, หรือ รูปแบบการใช้งาน ได้ เช่น

• ความยาวมาตรฐาน: 30 cm / 50 cm / 1 เมตร
• หรือผลิตความยาวพิเศษตามต้องการ
• เลือกหัวต่อได้ทั้ง Flange, Union, Nipple, Threaded ฯลฯ

⭐ข้อดีของท่ออ่อนสแตนเลส SS304 และวิธีเลือกท่ออ่อนสแตนเลสให้เหมาะกับงาน

ท่ออ่อนสแตนเลส (Flexible Stainless Steel Hose) เป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในงานระบบอุตสาหกรรม งานเครื่องกล งานระบบท่อของอาคาร ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องจักรที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง ด้วยคุณสมบัติที่ทั้งแข็งแรง ทนทาน และรองรับแรงดันได้ดี ทำให้ท่ออ่อนสแตนเลสกลายเป็นตัวเลือกหลักของวิศวกร ผู้ออกแบบ และช่างติดตั้งระบบมากมาย

โดยเฉพาะวัสดุ สแตนเลสเกรด SS304 ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสมดุลทั้งด้านราคา ความทนทาน และคุณภาพ จึงเหมาะกับงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่ต้องการอายุการใช้งานยาวนาน

   ข้อดีของท่ออ่อนสแตนเลส SS304

1. ทนทานต่อการกัดกร่อน (Corrosion Resistance)

สแตนเลสเกรด SS304 มีคุณสมบัติต้านทานสนิมและการกัดกร่อนได้ดีมาก เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือระบบที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดสนิม เช่น

  - ระบบน้ำประปา

 - ระบบน้ำร้อน

 - ระบบสตรีม (Steam)

  - พื้นที่โรงงานที่มีไอเคมีบางชนิด

การป้องกันการเกิดสนิมได้ดีช่วยลดค่าบำรุงรักษา และเพิ่มอายุการใช้งานของระบบโดยรวม

2. ทนความร้อนและแรงดันสูง

ท่ออ่อนสแตนเลส SS304 สามารถรองรับทั้งอุณหภูมิสูงและแรงดันสูงได้ดีกว่าวัสดุทั่วไป เช่น ยาง หรือ PVC ทำให้ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น

 - ระบบไอน้ำ

 - ระบบน้ำร้อน

 - ระบบลมแรงดันสูง

 - ระบบปั๊มอุตสาหกรรม

3. ความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดการสั่นสะเทือน

หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของท่ออ่อนสแตนเลสคือ ความยืดหยุ่น ที่ช่วยชดเชยการขยับตัวของท่อ ช่วยดูดซับแรงสั่นจากปั๊มหรือเครื่องจักร ทำให้ลดปัญหาแตก รั่ว หรือการเสียหายของระบบได้เป็นอย่างดี

เหมาะสำหรับติดตั้งบริเวณ:

 - หน้าเครื่องปั๊ม

 - เครื่องจักรที่มีแรงสั่น

 - แนวท่อที่ต้องเลี้ยวหรือเข้ามุม

 - พื้นที่จำกัดที่ใช้ท่อแข็งไม่ได้

4. รองรับการเชื่อมต่อหลายรูปแบบ

ท่ออ่อนสแตนเลส SS304 สามารถประกอบหัวต่อได้หลากหลายตามงาน เช่น

 - หน้าแปลน JIS10K

 - หน้าแปลน ANSI150

 - หน้าแปลน PN10 / PN16

 - เกลียว BSP / NPT

 - หัวยูเนี่ยน (Union)

 - หัวนิปเปิ้ล

วิศวกรสามารถออกแบบระบบได้ยืดหยุ่นขึ้น รองรับการใช้งานหลากหลายอุตสาหกรรม

5. น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย

แม้จะเป็นโลหะ แต่ท่ออ่อนสแตนเลสมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก สามารถดัดโค้งงอได้ตามพื้นที่ ทำให้งานติดตั้งเร็วขึ้น ลดค่าแรงและระยะเวลาในการทำงานอย่างมาก

6. อายุการใช้งานยาวนาน คุ้มค่าในระยะยาว

ด้วยคุณสมบัติทนความร้อน ทนแรงดัน และทนการกัดกร่อน ทำให้ท่ออ่อนสแตนเลส SS304 มีอายุการใช้งานยาวนานหลายปี ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนบ่อย ๆ

⭐ วิธีเลือกท่ออ่อนสแตนเลสให้เหมาะกับงาน

การเลือกท่ออ่อนสแตนเลสให้เหมาะกับงานเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของระบบ ด้านล่างนี้คือแนวทางเลือกที่ถูกต้องตามมาตรฐานงานอุตสาหกรรม

1. เลือกวัสดุสแตนเลสให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม

ทั่วไปงานระบบจะนิยมใช้

 - SS304 → เหมาะกับงานส่วนใหญ่ เช่น น้ำ ไอน้ำ ลม

 - SS316 → เหมาะกับพื้นที่ที่มีสารเคมีกัดกร่อนสูง (โรงงานเคมี อาหาร เครื่องดื่ม)

หากเป็นงานทั่วไปหรือเครื่องจักรส่วนมาก SS304 ถือว่าเพียงพอและคุ้มค่า

2. เลือกขนาดท่อ (Diameter) ให้ถูกต้อง

การเลือกขนาดท่อผิดจะทำให้เกิดปัญหา เช่น แรงดันตก การไหลไม่ดี หรือการสั่นสะเทือนมากขึ้น
ขนาดที่นิยม เช่น

 - 1/2"

 - 3/4"

 - 1"

 - 1.5"

 - 2" เป็นต้น

ควรเลือกตามแบบวิศวกรรม หรือประเมินจากปริมาณการไหลและแรงดันระบบ

3. เลือกความยาวท่อให้เหมาะกับการติดตั้ง

ท่ออ่อนควรมีความยาวพอที่จะ:

 - ชดเชยการสั่น

 - ช่วยลดแรงกระชาก

 - ติดตั้งได้ในพื้นที่แคบ

ความยาวที่นิยม:

 - 30 cm

 - 50 cm

 - 1 Mtr

 - หรือสั่งผลิตพิเศษตามแบบ

4. เลือกชนิดหัวต่อให้ตรงกับระบบ

หัวต่อสำคัญมากในการป้องกันการรั่วและความปลอดภัย ควรเลือกชนิด:

 - หน้าแปลน JIS / ANSI / PN (ตามมาตรฐานระบบท่อ)

 - ยูเนี่ยน (สำหรับงานที่ต้องถอดบ่อย)

 - เกลียว BSP/NPT (ระบบน้ำ–ลมทั่วไป)

5. เลือกความสามารถรับแรงดัน (Working Pressure)

ท่ออ่อนแต่ละรุ่นรับแรงดันไม่เท่ากัน ต้องเช็คข้อมูลจากโรงงาน
ตัวอย่าง:

 - น้ำทั่วไป 5–10 bar

 - ไอน้ำ 10–20 bar

 - งานอุตสาหกรรมหนัก 20 bar ขึ้นไป

6. เลือกโครงสร้างการถัก (Braiding)

ท่ออ่อนสแตนเลสจะมีแบบ:

 - Single Braid (ถักชั้นเดียว) → สำหรับแรงดันปานกลาง

 - Double Braid (ถักสองชั้น) → สำหรับแรงดันสูง

แนะนำเลือกตามประเภทงานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด